สรุปสาระสำคัญและเงื่อนไขทั่วไปของกรมธรรม์
ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลพลัส

กรมธรรม์เลขที่ 23-001-GPA-000159

Swipe to view more

ข้อตกลงคุ้มครอง ทุนประกันภัยต่อคน
1. การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 100,000
2. สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง 200,000
3. ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1) 200,000
          - กรณีถูกฆาตรกรรมหรือถูกทำร้ายร่างกาย มีผลให้เกิดผลตามข้อ 1-3 50,000
          - กรณีอุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ มีผลให้เกิดผลตามข้อ 1-3 50,000

ระยะเวลาประกันภัย :  1 เดือน

เบี้ยประกันภัย : 40 บาท รวมอากรแสตมป์

อณาเขตความคุ้มครอง : 24 ชม.ทั่วโลก ยกเว้น พื้นที่ทีมีสงคราม และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

อาชีพที่ยกเว้น : กลุ่มอาชีพชั้น 4 เช่น ผู้ใช้แรงงาน คนงานหรือวิศวกรที่ทำงานในเหมืองแร่ หรือแท่นขุดเจาะน้ำมัน ทหาร ตำรวจ พนักงานสายการบินที่ปฏิบัติงานขนเครื่องบิน เป็นต้น

คำจำกัดความที่สำคัญ

“อุบัติเหตุ” หมายถึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากปัจจัยภายนอกร่างกายและทำให้เกิดผลที่ผู้ได้รับความคุ้มครองมิได้เจตนาหรือมุ่งหวัง

“การบาดเจ็บ” หมายถึง  การบาดเจ็บทางร่างกาย อันเป็นผลโดยตรงจากอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นโดยเอกเทศและโดยอิสระจากเหตุอื่น

“แพทย์” หมายถึง ผู้ที่สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจากแพทยสภา และได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพสาขาเวชกรรมในท้องถิ่นที่ให้บริการทางการแพทย์ หรือทางด้านศัลยกรรม แต่ไม่รวมถึงแพทย์ที่เป็นผู้เอาประกันภัยเอง หรือคู่สมรสตามกฎหมาย หรือบุตรตามกฎหมาย

“มาตรฐานทางการแพทย์” หมายถึง หลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่เป็นสากล และนำมาซึ่งแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยตามความจำเป็นทางการแพทย์และสอดคล้องกับข้อสรุปจากประวัติการบาดเจ็บ การตรวจพบ ผลการชันสูตรหรืออื่นๆ (ถ้ามี)

“ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควร” หมายถึง ค่ารักษาพยาบาล และ/หรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ควรจะเป็น  เมื่อเทียบกับการให้บริการที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม หรือคลินิก เรียกเก็บกับผู้ป่วยทั่วไปของโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม หรือคลินิก ซึ่งผู้ได้รับความคุ้มครองเข้ารับการรักษานั้น 

“ความจำเป็นทางการแพทย์” หมายถึง  การบริการทางการแพทย์ต่างๆที่มีเงื่อนไข ดังนี้

          (1) ต้องสอดคล้องกับการวินิจฉัย และการรักษาตามภาวะการบาดเจ็บของผู้รับบริการ

          (2) ต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์อย่างชัดเจนตามมาตรฐานเวชปฏิบัติปัจจุบัน

          (3) ต้องมิใช่เพื่อความสะดวกของผู้รับบริการ หรือของครอบครัวผู้รับบริการ หรือของผู้ให้บริการรักษาพยาบาลเพียงฝ่ายเดียว และ

          (4) ต้องเป็นการบริการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม ตามความจำเป็นของภาวะการบาดเจ็บของผู้รับบริการนั้น ๆ

“ผู้ป่วยใน” หมายถึง ผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล เวชกรรมติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งต้องลงทะเบียนเป็น ผู้ป่วยใน โดยได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ตามข้อบ่งชี้ซึ่งเป็นมาตรฐานทางการแพทย์ และในระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรักษาการบาดเจ็บนั้นๆ และให้รวมถึงกรณีรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในแล้วต่อมาเสียชีวิตก่อนครบ 6 ชั่วโมง    

“การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง” หมายถึง ทุพพลภาพถึงขนาดไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานใดๆ ในอาชีพประจำ และอาชีพอื่นๆ ได้โดยสิ้นเชิงตลอดไป

“การสูญเสียอวัยวะ” หมายถึง การถูกตัดออกจากร่างกายตั้งแต่ข้อมือ หรือข้อเท้า และให้หมายรวมถึง การสูญเสียสมรรถภาพในการใช้งานของอวัยวะดังกล่าวข้างต้นโดยสิ้นเชิง และมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ชัดเจนว่าไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีกตลอดไป

“การสูญเสียสายตา” หมายถึง ตาบอดสนิท และไม่มีทางรักษาให้หายได้ตลอดไป

“ผู้อยู่ในอุปการะ” หมายถึง (1) คู่สมรสตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยซึ่งอายุไม่เกิน 60 ปี ในวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับเป็นครั้งแรก ตามที่ระบุชื่อไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย (2) บุตรตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัย ซึ่งยังมิได้สมรสและมีอายุตั้งแต่ 1 ปี ถึง 20 ปีบริบูรณ์ หรือไม่เกิน 23 ปีบริบูรณ์กรณีศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย หรืออุดมศึกษา ในวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับเป็นครั้งแรก ตามที่ระบุชื่อไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย หรือใบรับรองประกันภัย

“ผู้ได้รับความคุ้มครอง” หมายถึง ผู้เอาประกันภัย และ / หรือผู้อยู่ในอุปการะของผู้เอาประกันภัย เฉพาะบุคคลที่ระบุชื่อไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย

การแจ้งอุบัติเหตุและการส่งหลักฐานความเสียหาย

ผู้ได้รับความคุ้มครอง ผู้รับประโยชน์ หรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าวแล้วแต่กรณี จะต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงการบาดเจ็บโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่มีการเสียชีวิตต้องแจ้งให้บริษัททราบทันที  และจะต้องส่งหลักฐานตามที่บริษัทต้องการให้แก่บริษัทโดยค่าใช้จ่ายของตนเอง โดยในกรณีเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะหรือสายตา  ให้ส่งหลักฐานภายใน 30 วันนับแต่วันเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะหรือสายตา ส่วนในกรณีอื่นๆ ให้ส่งหลักฐานภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิด

การจ่ายค่าสินไหมทดแทน

          บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วันนับจากวันที่บริษัทได้รับหลักฐานแสดงความสูญเสียที่ครบถ้วนและถูกต้องแล้ว ในกรณีที่มีเหตุอันควรให้สงสัยว่าการเรียกร้องการจ่ายค่าสินไหมทดแทนไม่เป็นไปตามข้อตกลงคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทสามารถขยายระยะเวลาที่กำหนดไว้ออกไปได้อีกตามความจำเป็น แต่ทั้งนี้จะไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่บริษัทได้รับเอกสารครบถ้วนแล้ว ถ้าหากบริษัทไม่อาจจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น บริษัทจะรับผิดชดใช้จำนวนดอกเบี้ยให้อีกในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของจำนวนเงินที่ต้องจ่าย นับแต่วันที่ครบกำหนดชำระ

ข้อจำกัดในการเรียกร้องค่าทดแทน และการจำกัดความรับผิดรวมตลอดระยะเวลาประกันภัย

ตลอดระยะเวลาประกันภัย บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนสำหรับผลที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงคุ้มครองแต่ละหมวดที่ผู้ได้รับความคุ้มครองซื้อความคุ้มครองไว้ไม่เกินจำนวนเงิน เอาประกันภัยที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย

การชำระเบี้ยประกันภัย

          (1) เบี้ยประกันภัยงวดแรกถึงกำหนดชำระทันที และความคุ้มครองจะเริ่มมีผลบังคับตามวันที่ที่ระบุในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย

          (2) เบี้ยประกันภัยในปีถัดไปจะถึงกำหนดชำระเมื่อครบกำหนดระยะเวลาเอาประกันภัยที่ได้ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย ซึ่งหากรายละเอียดและคุณสมบัติของผู้ได้รับความคุ้มครองไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เคยให้ไว้ในใบคำขอเอาประกันภัย บริษัทจะเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้ในใบคำขอเอาประกันภัยโดยอัตโนมัติ และหากมีการชำระเบี้ยประกันภัยอย่างถูกต้องในทุกปี ความคุ้มครองก็จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

          (3) ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้ชำระเบี้ยประกันภัยครั้งแรก โดยวิธีใดตามข้อตกลงระหว่างผู้เอาประกันภัยกับบริษัทให้ถือว่ากรมธรรม์ประกันภัยนี้ ไม่มีผลบังคับนับจากวันเริ่มต้นมีผลบังคับของกรมธรรม์ประกันภัย

          (4) ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้ชำระค่าเบี้ยประกันภัยของงวดใด บริษัทจะผ่อนผันให้ชำระเบี้ยประกันภัยภายใน 30 วันนับจากวันที่ครบกำหนดระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัยของงวดก่อนหน้า และหากมีการเรียกร้องผลประโยชน์ภายในระยะเวลาผ่อนผัน 30 วันดังกล่าว ให้ถือว่ากรมธรรม์ประกันภัยนี้ยังมีผลบังคับ โดยบริษัทจะหักเบี้ยประกันภัยของปีต่ออายุ (กรณีชำระรายปี) หรือของระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยนี้ได้คุ้มครองไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับชำระเบี้ยประกันภัย (กรณีผ่อนชำระ) ออกจากจำนวนผลประโยชน์ที่ต้องชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้

          (5) หากไม่มีการชำระเบี้ยประกันภัยภายในระยะเวลาผ่อนผัน จะทำให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้สิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติในวันสิ้นสุดระยะเวลาเอาประกันภัยของปีก่อนหน้าที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย

การเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยและการเริ่มความคุ้มครอง

          ความคุ้มครองของการประกันภัยนี้ จะเริ่มมีผลบังคับในวันที่ที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย โดยเบี้ยประกันภัยจะถูกเรียกเก็บตามวิธีการที่ผู้เอาประกันภัยตกลงไว้กับบริษัท และหากผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยอย่างถูกต้องในทุกงวด ความคุ้มครองก็จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงไว้ซึ่งสิทธิในการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงภัยและเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการรับประกันภัย และเงื่อนไขของข้อตกลงคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยได้ตามความจำเป็น โดยจะบอกกล่าวให้ผู้เอาประกันภัยทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน 

การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย

          ผู้เอาประกันภัยสามารถจะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้โดยแจ้งให้บริษัททราบเป็นหนังสือ และมีสิทธิได้รับเบี้ยประกันภัยคืน หลังจากหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามอัตราเบี้ยประกันภัยระยะสั้นที่บริษัทกำหนด 

การสิ้นสุดความคุ้มครอง

ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติเมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน

(1) ผู้เอาประกันภัย

  • ก. เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเมื่อผู้เอาประกันภัยถูกจองจำอยู่ในเรือนจำหรือทัณฑสถาน ซึ่งบริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน
  • ข.เมื่อผู้เอาประกันภัยมีอายุครบหกสิบห้าปี (65) บริบูรณ์ ในวันครบรอบปีของกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุในตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัย
  • ค. เมื่อผู้เอาประกันภัย หรือบริษัทบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย
  • ง. เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันภัย ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดทั่วไปข้อ 10 ของกรมธรรม์ประกันภัยนี้

(2 ) สำหรับผู้อยู่ในอุปการะแต่ละคน

  • ก. เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเมื่อผู้เอาประกันภัยถูกจองจำอยู่ในเรือนจำหรือทัณฑสถาน ซึ่งบริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน
  • ข. เมื่อคู่สมรส หรือบุตรเสียชีวิต หรือเมื่อคู่สมรส หรือบุตรถูกจองจำอยู่ในเรือนจำหรือทัณฑสถาน ซึ่งบริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยสำหรับคู่สมรส หรือบุตรรายนั้น โดยหักเบี้ยประกันภัย สำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน
  • ค. เมื่อคู่สมรสมีอายุครบหกสิบห้าปี (65) บริบูรณ์ในวันครบรอบปีของกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุในตารางกรมธรรม์ประกันภัย หรือใบรับรองประกันภัย หรือขาดคุณสมบัติ
  • ง. เมื่อบุตรมีอายุครบยี่สิบปี (20) บริบูรณ์ หรือยี่สิบสามปี  (23) บริบูรณ์กรณีศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย หรืออุดมศึกษา หรือสมรส
  • จ. เมื่อผู้เอาประกันภัย หรือบริษัทบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย
  • ฉ. เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันภัย ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดทั่วไปข้อ 10 ของกรมธรรม์ประกันภัย

สรุปข้อยกเว้นที่สำคัญ

  1. ความสูญเสีย หรือความเสียหายใด ๆ อันเกิดจาก หรือสืบเนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้
    การกระทำของผู้ได้รับความคุ้มครองขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา สารเสพติด หรือยาเสพติดให้โทษ จนไม่สามารถครองสติได้ คำว่า “ขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา” นั้น ในกรณีที่มีการตรวจเลือดให้ถือเกณฑ์มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป, การฆ่าตัวตาย พยายามฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายร่างกายตนเอง , การได้รับเชื้อโรค ปรสิต เว้นแต่การติดเชื้อโรค หรือบาดทะยัก หรือโรคกลัวน้ำ ซึ่งเกิดจากบาดแผลที่ได้รับมาจากอุบัติเหตุ , การรักษาทางเวชกรรมหรือศัลยกรรม  เว้นแต่ที่จำเป็นต้องกระทำ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยนี้ และได้กระทำภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย , การแท้งลูก  , การรักษาฟันหรือการรักษารากฟัน เว้นแต่การรักษาที่ได้เกิดขึ้นภายใน 7 วันนับจากวันเกิดอุบัติเหตุ , การเปลี่ยนหรือใส่ฟันปลอม การครอบฟัน ทันตกรรมประดิษฐ์, อาหารเป็นพิษ , การปวดหลัง อันมีสาเหตุมาจาก หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท (Disc  herniation) กระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis) หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative disc disease)  กระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis) และภาวะที่มีรอยแตก (Defect) หรือพยาธิสภาพที่กระดูกสันหลังส่วน Pars interarticularis (Spondylolysis) เว้นแต่มีการแตกหัก (Fracture) หรือเคลื่อน (Dislocation) ของกระดูกสันหลังอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ , สงครามฯ การก่อการร้าย การแผ่รังสี หรือการแพร่กัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ หรือจากกากนิวเคลียร์ใดๆ
  2. ความสูญเสีย หรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อไปนี้
    ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองแข่งรถหรือแข่งเรือทุกชนิด แข่งม้า แข่งสกีทุกชนิดรวมถึงเจ็ตสกีด้วย แข่งสเก็ต ชกมวย โดดร่ม (เว้นแต่การโดดร่มเพื่อรักษาชีวิต) ขณะกำลังขึ้นหรือกำลังลงหรือโดยสารอยู่ในบอลลูน หรือเครื่องร่อน เล่นบันจี้จั๊มพ์ ดำน้ำที่ต้องใช้ถังอากาศและเครื่องช่วยหายใจใต้น้ำ , ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์, ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองกำลังขึ้นหรือกำลังลง หรือขณะโดยสารอยู่ในอากาศยานที่มิได้จดทะเบียนเพื่อบรรทุกผู้โดยสาร และมิได้ประกอบการโดยสายการบินพาณิชย์ , ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองขับขี่หรือปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานประจำอากาศยานใดๆ , ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองเข้าร่วมทะเลาะวิวาทหรือมีส่วนยั่วยุให้เกิดการทะเลาะวิวาท , ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองก่ออาชญากรรมที่มีความผิดสถานหนัก หรือขณะถูกจับกุม หรือหลบหนีการจับกุม , ขณะที่ผู้ได้รับความคุ้มครองปฏิบัติหน้าที่เป็น ทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัคร และเข้าปฏิบัติการ ในสงครามหรือปราบปราม

ข้อตกลงคุ้มครองหลัก

  1. ผลประโยชน์การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1)
    คุ้มครองความสูญเสีย หรือความเสียหายอันเกิดจากการบาดเจ็บทางร่างกายของผู้เอาประกันภัยโดยอุบัติเหตุ และทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรักษาตัวติดต่อกันในฐานะผู้ป่วยในในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม และเสียชีวิตเพราะการบาดเจ็บนั้น
  2. ผลประโยชน์การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ1.)
    คุ้มครองความสูญเสีย หรือความเสียหายอันเกิดจากการบาดเจ็บทางร่างกายของผู้ได้รับความคุ้มครองโดยอุบัติเหตุ และทำให้ผู้ได้รับความคุ้มครอง เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บที่ได้รับ ทำให้ผู้ได้รับความคุ้มครอง ต้องรักษาตัวติดต่อกันในฐานะผู้ป่วยในในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม และเสียชีวิตเพราะการบาดเจ็บนั้น
  3. ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป
    จ่ายค่าทดแทนสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควรซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ สำหรับค่าห้องสำหรับผู้ป่วยใน ค่าห้องสังเกตอาการ ค่ารักษาพยาบาล ค่าการพยาบาล และค่ารถพยาบาลให้ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยตามที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยหรือใบรับรองประกันภัยหักด้วยความรับผิดส่วนแรก (ถ้ามี)
  4. การชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุ
    จ่ายค่าชดเชยรายได้ต่อวันให้ตามจำนวนวันที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม สำหรับกรณีการเข้าพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยปกติ หรือการเข้าพักรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) ตามจำนวนเงินเอาประกันภัยต่อวันในแต่ละกรณี และไม่เกินจำนวนวันคุ้มครองสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง ที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย
  5. ผลประโยชน์กระดูกแตกหัก ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และการบาดเจ็บอวัยวะภายใน
    ถ้าผู้ได้รับความคุ้มครองได้รับบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายตามที่ระบุไว้ในตารางผลประโยชน์การชดเชยกระดูกแตกหักภายใน 30 วันนับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินผลประโยชน์ในอัตราร้อยละของจำนวนเงินเอาประกันภัยผลประโยชน์กระดูกแตกหัก เมื่อได้รับหลักฐานพิสูจน์การแตกหักโดยการเอ็กซเรย์แล้ว

เอกสารแนบท้ายการขยายความคุ้มครอง

  1. การให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยกรณีประวัติดี
  2. การจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติม
  3. การเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยโดยอัตโนมัติ สำหรับหมวดผลประโยชน์การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.2)
  4. การจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติมกรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตขณะปฏิบัติงานให้กับบริษัทนายจ้าง
  5. การจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติมกรณีผู้เอาประกันภัยและคู่สมรสเสียชีวิตในอุบัติเหตุเดียวกัน
  6. การจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติม ผลประโยชน์อุบัติเหตุสาธารณะ
  7. การจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาล
  8. การขยายผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
  9. การขยายผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
  10. ค่าใช้จ่ายทางทันตกรรม
  11. การเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยโดยอัตโนมัติ (แบบที่ 2) สำหรับหมวดผลประโยชน์การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.2)
  12. ผลประโยชน์การชดเชยรายได้รายเดือน ระหว่างการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเวชกรรม
  13. การขยายความคุ้มครองในวันหยุดราชการและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
  14. การขยายความคุ้มครองค่าปลงศพ หรือค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการบาดเจ็บ
  15. การขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
  16. การนัดหยุดงาน การจลาจล การที่ประชาชนก่อความวุ่นวายถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล
หน้าที่ในการเปิดเผยข้อเท็จจริง  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 865 บริษัท อาจปฏิเสธการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยปกปิดความจริง หรือ แจ้งข้อความเท็จในใบคำขอเอาประกันภัยหรือแบบฟอร์มของบริษัท และบริษัทมีสิทธิในการบอกเลิกสัญญาได้ 

หมายเหตุ

  1. ความคุ้มครองและเงื่อนไขที่ละเอียดครบถ้วนให้เป็นไปตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลพลัสที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
  2. ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถเลือกข้อตกลงคุ้มครอง/เอกสารแนบท้ายเพื่อจัดแผนประกันภัยได้
  3. ผู้เอาประกันภัยสามารถร้องขอดูเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลพลัสฉบับเต็ม ได้จากบริษัท อลิอันซ์ ประกันภัย จำกัด