ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่จากข้อมูลของ องค์การสหประชาชาติ (UN) ในปี พ.ศ.2564 ทีผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีประชากรที่อายุ 65 ปีขึ้นไปอยู่ประมาณ 9 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 12.8% จากประชากรทั้งหมด ในขณะที่นิยามของสังคมผู้สูงอายุนั้น หมายถึง จำนวนประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ
นั่นทำให้ประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรสูงอายุต่อประชากรทั้งหมดมากเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน จะเป็นรองก็เพียงสิงคโปร์เท่านั้น และมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2565 ไทยอาจมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น14% ของประชากรทั้งหมด
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจมีคำถามว่าทำไมไทยถึงกำลังเดินเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุได้ คำตอบที่ดูจะชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลที่สุด นั่นคืออัตราการเกิดของคนไทยนั้นมีแนวโน้มลดต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่คนแต่งงานกันช้าลง และความต้องการมีบุตรของแต่ละครอบครัวนั้นลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับค่านิยมในสมัยก่อน
ด้วยปัจจัยเหล่านี้เอง ทำให้มีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่า ประเทศไทยน่าจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสูงสุด (Hyper Aged Society) หรือมีสัดส่วนประชากรสูงอายุมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมดในเวลาเพียง 9 ปี ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่รวดเร็วกว่าประเทศญี่ปุ่นที่ใช้ระยะเวลา 11 ปี