กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว! สิทธิด้านประกันชีวิต และการเงินที่คุณควรรู้

เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2568
กฎหมายสมรสเท่าเทียม Marriage Equality Law มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยรองรับให้บุคคลไม่ว่าเพศใดสามารถทำการหมั้นและสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
5 เหตุผล ทำไม ประกันออมทรัพย์ มาย สมาร์ต อินเด็กซ์ 10-2 (มีเงินปันผล)

กฎหมายสมรสเท่าเทียม* (Marriage Equality Law) ได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของความเท่าเทียมทางเพศในประเทศไทย โดยสาระสำคัญของกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือกฎหมายสมรสเพศเดียวกันนี้ คือการรองรับให้บุคคลไม่ว่าเพศใดสามารถทำการหมั้นและสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
*พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567
กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยบุคคล 2 คน ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ สามารถทำการหมั้นและจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมาย และมีการปรับใช้ถ้อยคำที่บ่งชี้เพศให้เป็นกลางมากขึ้น เช่น ‘สามี-ภริยา’ ปรับเป็น ‘คู่สมรส’ ‘ชาย-หญิง’ ปรับเป็น ‘บุคคล,บุคคลทั้งสองฝ่าย’ หรือ ’ผู้หมั้น-ผู้รับหมั้น’ และ ‘บิดา-มารดา’ ปรับเป็น ‘บุพการี’
(หมายเหตุ การสมรสของผู้เยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรืออายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องได้รับความยินยอมจากบุพการีหรือผู้รับบุตรบุญธรรมก่อน) 

สิทธิด้านครอบครัว 

● รับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ คู่สมรสไม่ว่าเพศใด สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ โดยอ้างอิงหลักการจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีอายุมากกว่าบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมหรือบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส จะต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน

● มีสิทธิใช้นามสกุลของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ หรือใช้นามสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายเป็นชื่อกลาง (ถ้าได้รับความยินยอม) หรือจะใช้นามสกุลเดิมของตัวเองก็ได้

● ฟ้องหย่า ฟ้องชู้ เรียกค่าทดแทนได้ไม่จำกัดเพศ การหย่าต้องเกิดจากความสมัครใจของคู่สมรสเองหรือเกิดจากคำพิพากษา ซึ่งจะต้องมีเหตุที่สามารถฟ้องหย่าได้ ขณะที่การฟ้องชู้ จากเดิมที่กำหนดสิทธิการเรียกค่าทดแทนของสามีและภริยาไว้ต่างกันด้วยถ้อยคำที่จำกัดเพศ คือ ฝั่งสามีสามารถเรียกค่าทดแทนได้จาก ‘ผู้ซึ่งล่วงเกินภริยา’ ขณะที่ฝั่งภริยาเรียกค่าทดแทนได้จาก ‘หญิงที่เข้ามามีสัมพันธ์กับสามี’ เท่านั้น ทั้งนี้ ในกฎหมายสมรสเท่าเทียมแก้ไขเป็น ‘ผู้ซึ่งล่วงเกินคู่สมรส’ แทนคำที่ระบุเพศ เท่ากับว่าสามารถฟ้องชู้ได้โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องเพศอีกต่อไป

สิทธิด้านการเงิน ทรัพย์สิน และภาษี

● จัดการสินสมรสร่วมกันได้ ถ้าคู่สมรสไม่ได้ทำสัญญาเรื่องทรัพย์สินไว้ก่อนสมรส จะใช้หลักการการจัดการทรัพย์สินตามกฎหมายเดิม คือ แยกประเภทเป็น ‘สินส่วนตัว’ และ ‘สินสมรส’ โดยสินส่วนตัว สามารถจัดการได้ตามปกติ แต่สินสมรสถือเป็นเจ้าของร่วมกันและต้องจัดการทรัพย์สินร่วมกัน (ในการจัดทรัพย์สินใดๆ ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส)

● มีสิทธิรับมรดกของคู่สมรส ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ให้คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย (ไม่ต้องเสียภาษีมรดก) ยกเว้นผู้ตายได้ทำพินัยกรรมเป็นอย่างอื่นไว้

● ลดหย่อนภาษีคู่สมรส (ที่ไม่มีรายได้) ใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ 60,000 บาท ต่อปี และเงินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาจากคู่สมรส ในส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาทตลอดปีภาษี ไม่ต้องเอามาคำนวณรวมเป็นเงินได้บุคคลธรรมดา 

สิทธิด้านการรักษาพยาบาล 

● ให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาลคู่สมรสได้ ถ้าผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ คู่สมรสไม่ว่าเพศใดจะเป็นทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย สามารถให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาลคู่สมรสได้

● รับประโยชน์ตามสิทธิจากประกันสังคมในฐานะคู่สมรสได้ เช่น เงินค่าทดแทน เงินบำเหน็จชราภาพ เงินสงเคราะห์กรณีคู่สมรสเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม สิทธิดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมาบอกเล่า อาจไม่ได้ครอบคลุมการแก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขทั้งหมด และในบางกรณี อาจยังไม่ได้รับสิทธิทันที ต้องรอการเสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป

● สามารถจดทะเบียนสมรสได้ที่สำนักงานเขตในกรุงเทพฯ และที่ว่าการอำเภอในต่างจังหวัด

● สำหรับผู้ที่อยู่ต่างประเทศ สามารถจดทะเบียนได้ที่สถานทูตไทยหรือสถานกงสุลใหญ่

5 เหตุผล ทำไม ประกันออมทรัพย์ มาย สมาร์ต อินเด็กซ์ 10-2 (มีเงินปันผล)
เดิมทีการใช้ชื่อของ ‘ผู้อื่น’ เป็น ‘ผู้รับประโยชน์’ ในการทำประกันชีวิตสามารถทำได้อยู่แล้ว (ภายใต้เงื่อนไขการพิจารณารับประกัน) ซึ่งแตกต่างจากสิทธิการได้รับมรดก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นบุคคลที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในครอบครัว มักจะมีความยุ่งยากเรื่องการยื่นเอกสารเพื่อแสดงความเกี่ยวข้องกันระหว่างบุคคล 2 คนที่เป็น ‘ผู้ทำประกัน’ กับ ‘ผู้รับประโยชน์’ เช่น ภาพถ่ายที่ยืนยันความใกล้ชิด ทะเบียนบ้านที่อาศัยด้วยกัน เอกสารแสดงการทำธุรกิจร่วมกัน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกัน และเอกสารอื่นๆ ตามเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทประกันจะเรียกพิจารณาเพิ่มเติม

เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมรับรองสิทธิของคู่สมรส (เท่าเทียม) ในด้านต่างๆ แล้ว บริษัทประกัน ก็พร้อมสนับสนุนความเท่าเทียมกันของทุกเพศ เพื่อให้สิทธิในการทำประกันและรับประโยชน์ครอบคลุมทุกคน ดังนี้

● ใส่ชื่อคู่สมรสเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้ (แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส)  และไม่ต้องแสดงเอกสารแสดงความเกี่ยวข้องกัน (หรือเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์)  โดยไม่ว่า ‘ผู้รับประโยชน์’ กับ ‘ผู้เอาประกัน’ จะเป็นเพศเดียวกัน หรือ ต่างเพศ บริษัทจะพิจารณาเงื่อนไขการรับประกันอย่างเท่าเทียมกัน

● สามารถระบุความสัมพันธ์ของผู้รับประโยชน์เป็น ‘คู่สมรส/คู่ชีวิต’ แทน ‘สามี-ภรรยา’ และเพิ่มคำว่า ‘บุพการี’ เข้ามาในการระบุความสัมพันธ์ของผู้รับประโยชน์ โดยคำว่า บิดา-มารดา ยังสามารถใช้ได้อยู่

สำหรับเงื่อนไขเรื่องการระบุเพศ บริษัทมีความจำเป็นต้องชี้แจงว่าการบันทึกข้อมูลในระบบยังอ้างอิงตาม ‘เพศกำเนิด’ จากบัตรประชาชนของผู้เอาประกันอยู่ เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเจ็บป่วยที่ต่างกันของแต่ละเพศ จะส่งผลต่อค่าเบี้ยที่แตกต่างกันไปด้วย

● อัปเดตสถานะเป็น คู่สมรส หรือ เปลี่ยนชื่อผู้รับประโยชน์ หรือ เปลี่ยนความสัมพันธ์ของผู้รับประโยชน์ได้ ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม กรณีที่ทำประกันไปก่อนหน้านี้

● ประกันแบบไหนๆ ก็ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกคน โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศ ยกเว้น การซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมบางแบบที่ระบุเพศกำเนิด เช่น ความคุ้มครองมะเร็งปากมดลูก ซื้อได้เฉพาะเพศกำเนิดหญิง เป็นต้น

● สิทธิลดหย่อนประกันของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ ถ้าคู่สมรสมีการประกันชีวิตและความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ มาหักลดหย่อน ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท (โดยกรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป และต้องเป็นบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น)

โดยคู่สมรสที่สนใจแผนประกันชีวิต เพื่อวางแผนอนาคตทางการเงิน เมื่อกฏหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้แล้ว สามารถดูรายละเอียดในส่วนของ แผน ประกันชีวิต จาก อลิอันซ์ อยุธยา อีกหนึ่งตัวช่วยในการสร้างความมั่นคงให้กับคนข้างหลังอย่างมีประสิทธิภาพ และคลายกังวลเรื่องภาษี คลิกที่นี่

หมายเหตุ ลูกค้าควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจสมัครทำประกันภัย 

อ้างอิงข้อมูล:
- www.ilaw.or.th/articles/43563
- พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567

Apologies, we are currently unable to handle your request. Please try again.

Enter the text from the box. 60 seconds remaining. Can't read the text? Reload text

Form sent successfully.