กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคใกล้ตัวกว่าที่คิด เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในเพศหญิง เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะได้ง่าย ในขณะเดียวกันผู้ชายมีท่อปัสสาวะยาวกว่าและอยู่ห่างจากทวารหนัก โอกาสที่เชื้อโรคจะผ่านเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะจึงมีน้อยกว่า
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดขึ้นเมื่อกระเพาะปัสสาวะมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และอาจเกิดขึ้นจากปฏิกิริยากับยาบางชนิดหรือการฉายรังสี การมีสุขอนามัยที่ไม่ดี การใช้สายสวนปัสสาวะในระยะยาว เป็นต้น และในกรณีที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบซ้ำซาก เป็นมากกว่า 3-4 ครั้งต่อปี อาจมีกลุ่มโรคอื่นที่เป็นปัจจัยทำให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบง่ายกว่าคนทั่วไป เช่น มีนิ่วในระบบปัสสาวะ มีการตีบตันของระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยปกติแล้วการรักษาหลัก จะให้ยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าหากอาการรุนแรง ต้องเพิ่มระยะเวลาในการรับยาปฏิชีวนะประมาณ 7-10 วัน ร่วมกับการรักษาตามอาการอื่นๆ ด้วย เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
แม้กระเพาะปัสสาวะอักเสบจะไม่ได้รุนแรงมาก หากได้รับการรักษาถูกวิธีก็จะหายขาด แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาหรือเป็นๆ หายๆ ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ดังนั้นป้องกันไว้ดีกว่า เรามีแนวทางลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมาฝาก ดังนี้
1. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ประมาณวันละ 6-8 แก้ว
2. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนานๆ หากรู้สึกอยากปัสสาวะ ให้ไปปัสสาวะทันที
3. รักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดอยู่เสมอ หลังจากปัสสาวะหรืออุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนมายังช่องคลอดและท่อปัสสาวะ
4. ไม่สวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เนื่องจากจะทำให้แบคทีเรียชนิดดีที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคถูกกำจัดออกไป
5. ไม่ใช้สเปรย์หรือน้ำยาดับกลิ่นตัวกับอวัยวะเพศ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
6. ใช้ผักบัวอาบน้ำ แทนการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ เนื่องจากการแช่ในอ่างอาบน้ำเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
7. สวมใส่กางเกงในที่มีเนื้อผ้าระบายได้ดี เพื่อช่วยระบายอากาศและลดการอับชื้น
8. ทำความสะอาดอวัยวะเพศทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวและรักษาสุขอนามัยพื้นฐานให้สะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อต่างๆ รวมไปถึงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ สิ่งสำคัญ คือ อย่ามองข้ามเมื่อมีสัญญาณเตือนที่เสี่ยงต่อการเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาเพิ่มเติมอย่างตรงจุด เพราะอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนสู่กรวยไตทำให้เกิดสภาวะไตวายและกลายเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้