เตรียมพร้อมวางแผนค่าเทอมลูกจนจบปริญญาตรี ด้วย ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked)

          และใน ช่วงต่อยอด คือช่วงที่การศึกษาจะมีความเฉพาะด้านเพื่อให้ลูกสามารถนำไปประกอบอาชีพ หรือต่อยอดความรู้ใหม่ๆ ได้อย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งจะอยู่ในช่วงการศึกษาตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไป
เตรียมพร้อมวางแผนค่าเทอมลูกจนจบปริญญาตรี ด้วย Unit Linked
          อย่างไรก็ตามสิ่งที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวกับรากฐานที่ดีที่ต้องการส่งมอบให้กับลูก คือค่าใช้จ่ายที่ผันแปรไปตามหลากหลายปัจจัย อาทิ
● ระดับการศึกษาสูงสุดที่ต้องการมอบให้ เช่น ปริญญาตรี โท หรือเอก
● ลักษณะของสถานศึกษา ว่าต้องการศึกษาในสถานศึกษาของรัฐบาล เอกชน หรือ นานาชาติ
● เรียนในประเทศหรือต่างประเทศ
● คณะหรือสาขาวิชาที่ต้องการศึกษา ว่ามีการใช้เทคโนโลยี แล็บ หรือ ภาษาต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
● ข้อบังตับ หรือ กฏเกณฑ์อื่นๆ อาทิ หอพัก ค่าสื่อการสอน ค่าดูงาน เป็นต้น

          แน่นอนว่ายิ่งพ่อแม่ต้องการให้ลูกมีการศึกษาที่สูงมากขึ้นเท่าใด ต้องการให้เรียนมหาวิทยาลัยต่างประเทศ หรือในคณะที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องสูง ค่าใช่จ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว 

ดังนั้นแล้วในการวางแผนจึงสำคัญอย่างมาก ทั้งในแง่ของเป้าหมายที่พ่อแม่อาจวางแผนให้ในช่วงปูพื้นฐานคือตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น จากนั้นจึงค่อยเริ่มพูดคุยปรึกษากับลูกอย่างต่อเนื่องในช่วงมัธยมปลายเป็นต้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก พร้อมๆ กับมั่นใจได้ว่าลูกจะได้ศึกษาในสิ่งที่สนใจอย่างแท้จริง 

          ในมุมของการวางแผนทางการเงินแล้วจะประกอบด้วย 2 ด้านด้วยกันคือ

ด้านป้องกันความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าแม้เกิดเหตุคาดไม่ถึงกับพ่อแม่ ลูกก็จะยังได้ศึกษาตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ทางการเงินที่จะตอบโจทย์นี้ก็คือ ประกันชีวิต ซึ่งมีหลักคิดคือการใช้เงินน้อยปกป้องเป้าหมายใหญ่ เพราะธรรมชาติของประกันชีวิตนั้นคือการจ่ายค่าเบี้ยในจำนวนไม่มาก เพื่อสร้างความคุ้มครองต่อชีวิตมากกว่าค่าเบี้ยที่ชำระหลายเท่าตัว

ด้านการลงทุน เพราะว่าเป้าหมายการศึกษานั้นเป็นเป้าหมายที่มีขนาดใหญ่ตามเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้น หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกเรียนสูงมากขึ้น ต้องการให้เรียนในสาขาวิชาที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องการให้เรียนในต่างประเทศหรือโรงเรียนนานาชาติ ย่อมต้องมีการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการลงทุนจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินในระยะยาว ช่วยให้เงินออมเพื่อการศึกษาไปถึงเป้าหมายได้เร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อค่าเล่าเรียนเหล่านั้นมักปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ทำให้การออมเงินโดยปราศจากการลงทุนมีแนวโน้มที่จะไม่ตอบโจทย์สูง เพราะไม่อาจไล่ตามเงินเฟ้อเหล่านั้นทัน

          ดังนั้นแล้ว ผลิตภัณฑ์การเงินที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการวางแผนการศึกษาให้ลูกนั้นจะต้องประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือส่วนประกันชีวิตและส่วนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างกองทุนรวม ซึ่งพ่อแม่สามารถเลือกใช้บริการ 2 ผลิตภัณฑ์แยกออกจากกันก็ได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เรียกว่า ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) หรือประกันชีวิตควบการลงทุน ซึ่งได้รวบรวมจุดเด่นของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ คือความคุ้มครองสูงด้วยค่าเบี้ยจำนวนน้อยในแบบของประกันชีวิต และการสร้างผลตอบแทนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาวของกองทุนเข้าด้วยกัน กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการวางแผนการเงินที่กินระยะเวลายาวนานอย่างเป้าหมายด้านการศึกษา
● เลือกหนึ่งได้ถึงสอง ได้ทั้งความคุ้มครองไปพร้อมๆ กับโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการดูแล อีกทั้งหากในกรณีคาดไม่ถึง เงินลงทุนเหล่านั้นจะถึงมือลูกได้เร็วกว่าจากสถานะประกันชีวิตที่สามารถส่งต่อให้ผู้รับผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วๆ ไป ที่มักต้องใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 3 เดือนเพื่อดำเนินขั้นตอนตามกฏหมาย จึงจะสามารถนำเงินจำนวนนั้นออกมาใช้ได้

● ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว ในแง่ของการลงทุนนั้น เนื่องจากเป็นการลงทุนในกองทุนรวม ทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าเงินลงทุนนั้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากการบริหารโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างผู้จัดการกองทุน ซึ่งแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์  ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) ก็จะคัดเลือกกองทุนอีกชั้น มาให้พ่อแม่ได้มีโอกาสลงทุน เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

● มีความยืดหยุ่นในหลากหลายแง่มุม ทั้งความสามารถในการเบิกถอน ออกมาใช้ตามเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา เช่น เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายค่าเทอม หรือ เป็นเงินขวัญถุงยามเรียนจบ ในอีกแง่ที่ประกอบเข้าไปกับความโปร่งใสในการเปิดเผยค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้  ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) มีความสามารถในการเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมได้ตามช่วงเวลา เช่น เดิมทีเมื่อพ่อแม่ยังมีทุนประกันชีวิตต่ำ อาจเลือกให้ ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) มีความคุ้มครองที่สูงเพื่อสร้างหลักประกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่อาจทำประกันชีวิตเพิ่มเติม ทำให้มีหลักประกันการศึกษามากขึ้น หรือ อาจกังวลว่าทุนคุ้มครองที่มากเกินไป จนอาจทำให้เงินลงทุนมีโอกาสที่จะไปไม่ถึงเป้าหมายได้ พ่อแม่ก็สามารถปรับลดทุนประกันลงมา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านประกันชีวิตลดลง เพิ่มโอกาสให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วมากขึ้น
         อย่างไรก็ตามการใช้ ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) เพื่อวางแผนทางการเงิน หรือว่าด้วยจุดประสงค์ใดก็ตามยังมีจุดที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอก็คือความเสี่ยงที่มาพร้อมกับโอกาสจากการลงทุน ซึ่งหมายถึง ระหว่างทางการออมนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ติดตามส่วนของเงินลงทุน จะพบว่ามูลค่าอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตลอดเวลา ตามสถานการณ์ขณะนั้น แต่พ่อแม่ก็มีอิสระในการกำหนดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมเอาไว้ด้วย 
         ● ช่วงปูพื้นฐาน หรือ ช่วงที่หนึ่ง ที่พ่อแม่เลือกให้ คือช่วงของการปูพื้นฐานในระดับอนุบาลถึงมัธยมต้น หรือช่วงเวลาตั้งแต่อายุลูก 3 ปีขึ้นไป จนกระทั่งถึงอายุ 12 ปี ควรทำให้พอร์ตการลงทุนมีความผันผวนต่ำหรือระดับกลางเท่านั้น คือมีความแน่นอนในระดับหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องชำระค่าเล่าเรียน มูลค่าของเงินอย่างน้อยที่สุดก็จะเท่าเดิม หรือในกรณีที่ดีคือเอาชนะเงินเฟ้อได้ ดังนั้นแล้วพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมในช่วงเวลานั้น จะเป็นพอร์ตการลงทุนที่ประกอบไปด้วย

○ ตราสารหนี้ ประมาณ 70-90% โดยอาจกระจายการลงทุนทั้งในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ และเลือกกระจายลงทุนทั้งในตราสารหนี้อายุเฉลี่ยสั้น คู่กับตราสารหนี้ที่อายุเฉลี่ยยาว เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินเฟ้อ ไปพร้อมๆ กับกระจายความเสี่ยง โดยการกระจายลงทุนในลักษณะนี้ กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเป็นเสมือนส่วนของสภาพคล่อง พร้อมๆ กับทำหน้าที่เป็นถุงลมนิรภัย ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในภาพรวมลงมา แต่ก็ไม่อาจสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเงินฝากประจำมากเท่าใดนัก ขณะที่ตราสารหนี้ระยะยาวขึ้นมา จะทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวเร่งผลตอบแทนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ จากความสามารถในการให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำทั่วๆ ไป เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่น ช่วงของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ส่วน ตราสารทุนหรือหุ้น ที่มีจุดเด่นคือความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว จากการเป็นเจ้าของกิจการหนึ่งๆ ซึ่งมักเติบโตตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอยู่เสมอในระยะยาว อย่างไรก็ตามสิ่งที่มาคู่กับโอกาสรับผลตอบแทนนั้นก็คือความผันผวนที่สูงเป็นเงาตามตัว จากวัฏจักรเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเข้ามากระทบได้เป็นครั้งคราว ซึ่งอาจส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทเปลี่ยนแปลงได้ และส่งผลต่อราคาหุ้นนั้นๆ และกองทุนที่ลงทุนของเราอีกทอดหนึ่ง

ในที่นี้ จึงขอแนะนำให้พ่อแม่ กระจายการลงทุนในตราสารทุนเพียง 10-30% ของพอร์ตการลงทุนเท่านั้น เพื่อทำหน้าที่เปรียบเสมือนคันเร่ง หรือกองหน้า เพิ่มผลตอบแทนไปอีกขั้นให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม แต่ก็ไม่มากเกินไปจนกระทั่งส่งผลให้พอร์ตการลงทุนในภาพรวมเสียหายได้ โดยแนะนำให้เน้นลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วโลกเป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามูลค่าของกองทุนหุ้นจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจโลกในระยะยาว ไม่รับความเสี่ยงจากปัจจัยเฉพาะด้านของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ จนอาจทำให้เงินออมเพื่อการศึกษาในระดับอนุบาลถึงมัธยมต้นของคุณลูกนั้นตกอยู่ในความเสี่ยงมากเกินไปได้ 

ช่วงต่อยอด หรือ ช่วงที่สอง ช่วงที่พ่อแม่ และลูกร่วมกันตัดสินใจ คือช่วงมัธยมปลายเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าช่วงที่หนึ่งมาก คือจะเริ่มต้นตั้งแต่ลูกอายุ 13-14 ปีเป็นต้นไป ซึ่งหมายถึงการผ่านวัฎจักรเศรษฐกิจอย่างน้อย 1-2 วัฎจักร ดังนั้นแล้วพอร์ตการลงทุนในช่วงเวลานี้ จึงสามารถที่จะรับความเสี่ยงได้เพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นที่พอร์ตความเสี่ยงระดับกลางขึ้นไปเพื่อคาดหวังการเติบโตตามการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว เพิ่มโอกาสรับการศึกษาที่หมายปองเอาไว้ให้ได้มากยิ่งขึ้น ดังนี้

○ ตราสารหนี้ ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่เหมาะแก่กระจายการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนลงมา อย่างไรก็ตาม หากลงทุนในตราสารหนี้มากเกินไป อาจหมายถึงผลตอบแทนพอร์ตที่ต่ำ และอาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางได้ ทำให้พอร์ตการลงทุนนี้จึงแนะนำสัดส่วนแค่ประมาณ 10-40% เท่านั้น และเช่นเดียวกับพอร์ตช่วงปูพื้นฐานการกระจายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงตราสารหนี้ระยะสั้นและยาวยังคงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่

○ ตราสารทุน ควรจะมีสัดส่วนที่ 40-70% เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมด้วยการกระจายการลงทุนในกองทุนหุ้นทั้งทั่วโลกเป็นหลัก เสริมด้วยกองทุนรวมหุ้นตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงบางส่วน เพื่อทำหน้าที่เร่งผลตอบแทนโดยรวม แต่ไม่รับความเสี่ยงมากเกินไปเช่นเดียวกัน

○ ตราสารทางเลือก อาทิ กองทุนรวมทองคำ, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควรมีสัดส่วนการลงทุนที่ประมาณ 5-15% พอร์ต จากความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นที่ต่ำทำให้เหมาะแก่กระจายความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนที่คาดหวังอาจไม่สูงนักเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นในระยะยาว

การลงทุนในช่วงที่สองนั้นจะเห็นได้ว่ามีสัดส่วนที่แนะนำค่อนข้างกว้าง ดังนั้นแล้ว พ่อแม่อาจพิจารณาเรื่องของผลตอบแทนที่ต้องการคู่กับความผันผวน โดยยึดหลักว่ายิ่งลงทุนในกองทุนหุ้นมากยิ่งคาดหวังผลตอบแทนได้สูง แต่โอกาสขาดทุนก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ไม่เสี่ยงเกินกว่าที่ตนรับได้ไปพร้อมๆ กับรับโอกาสจากการลงทุนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในระยะยาว 

          โดยสรุปแล้ว ประกันยูนิตลิงค์ (Unit Linked) หรือประกันชีวิตควบการลงทุน นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์วางแผนการศึกษาได้อย่างดี จากลักษณะที่ยืดหยุ่น และให้ได้ทั้งการสร้างหลักประกันไปพร้อมๆ กับทำให้เงินเติบโต แต่เนื่องจากความเสี่ยงของการลงทุนนั้นอาจเข้ามากระทบได้เป็นครั้งคราว จึงสมควรที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงเวลา และความเสี่ยงที่รับได้ โดยที่ในช่วงปูพื้น หรือวัยอนุบาลถึงมัธยมต้นของลูก ควรที่จะลงทุนในพอร์ตความเสี่ยงต่ำถึงกลาง เพื่อให้มั่นใจว่าในยามที่จำเป็นต้องใช้เงินเหล่านั้น อย่างน้อยที่สุดมูลค่าของเงินก็จะยังคงเดิม หรือในกรณีที่ดีก็สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ในขณะที่ช่วงต่อยอด หรือตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไป ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน เมื่อประกอบกับการคัดเลือกการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างผู้จัดการกองทุน พอร์ตที่ควรลงทุนควรเป็นพอร์ตความเสี่ยงกลางขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจได้ว่าฝันด้านการศึกษาใดของลูกก็มีโอกาสเป็นไปได้ 
          ใครที่กำลังมองหา ประกันยูนิตลิงค์ (Unit link) หรือประกันชีวิตควบการลงทุน จาก อลิอันซ์ อยุธยา ที่ให้คุณเลือก และปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามจังหวะชีวิต พร้อมคุ้มครองชีวิต แม้หยุดพักชำระเบี้ย ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

Apologies, we are currently unable to handle your request. Please try again.

Enter the text from the box. 60 seconds remaining. Can't read the text? Reload text

Form sent successfully.